เสริมคางในกับเสริมคางนอก: ข้อแตกต่างและการดูแลรักษา

เสริมคางในกับเสริมคางนอก

เสริมคางในกับเสริมคางนอก แตกต่างกันอย่างไร ข้อดี ข้อควรระวัง ควรเลือกแบบไหนดี ไม่อันตราย พร้อมการดูแลรักษา วิธีเสริมคางแผลนอก แผลใน และรีวิวผลลัพธ์หลังทำคาง การเสริมคางเป็นที่นิยมอันดับต้น ๆ ที่สาว ๆ สนใจอยากทำ เป็นการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนอย่างถาวร ได้รูปทรงสวยงาม ไม่ว่าจะคางตัด คางสั้น คางถอย รวมไปถึงคางบุ๋ม สามารถเสริมคางให้สวยงามได้ เสริมคางมีทั้งแผลนอก และแผลในให้เลือกทำ เสริมคางแผลนอก และเสริมคางแผลใน แตกต่างกันอย่างไร?

เสริมคางในกับเสริมคางนอก

เสริมคางแผลนอก

วิธีการนี้แพทย์จะทำการเปิดแผลด้านนอก ตรงบริเวณใต้คาง ความยาวของแผลจะมีขนาดเล็กนิดเดียว ประมาณ 1-1.5 ซม. แล้วใส่ซิลิโคน ไปตามตำแหน่งที่ต้องกร แล้วทำการเย็บปิดแผล ใช้เวลาในการผ่าตัด ประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคส

เสริมคางแผลใน

วิธีการนี้แพทย์จะทำการเปิดแผลข้างในปากตรงบริเวณซอกเหงือกตรงริมฝีปากล่าง ความยาวของแผลจะมีขนาดประมาณ 1.5 – 2 ซม. หลังจากนั้นจะแยกเนื้อเยื่อหุ้มกระดูกตรงบริเวณขอบล่างขึ้นมา แล้วทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปยังตำแหน่งที่ต้องการ แล้วทำการเย็บปิดแผล ใช้เวลาในการผ่าตัดประมาณ 1 ชั่วโมง การเปิดแผลด้านใน มีข้อความระวังกว่าวิธีแรก เนื่องจากเป็นการเปิดแผลข้างใน ภายในปากต้องสะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบ รวมไปถึงการติดเชื้ออีกด้วย

ข้อดีของการเสริมคางแบบเปิดแผลด้านนอก

1.ดูแลง่าย แผลหายเร็ว
2.วางตำแหน่งซิลิโคนได้อย่างแม่นยำ
3.ไม่เป็นก้อนห้อยย้อย
4.ไม่เสี่ยงการติดเชื้อ
5.ไม่เกิดการอักเสบภายในช่องปาก

ขั้นตอนของการเสริมคางแผลนอก

การเสริมคางแผลนอก เป็นการผ่าตัดขนาดเล็ก ที่ผ่าตัดร่วมกับการฉีดยาช ผ่าตัดประมาณ 30-45 นาที ขึ้นอยู่กับความยากง่ายของเคสซึ่งโดยทั่วไป จะมีทั้งเคสเสริมใหม่ และเคสแก้

คนไข้มาถึงทำประวัติกับทางคลินิก ตรวจวัดความดัน ทานยาแก้ปวดและยาฆาเชื้อ
ปรึกษาเรื่องรูปทรงกับคุณหมอ ทรงที่นิยมจะนิยมทำ ทรงวีมน ไม่แหลมจนเกินไป
คุณหมอมาร์คคางไว เป็นเครื่องหมายก่อนการผ่าตัด
เข้าห้องผ่าตัด ฉีดยาชา บริเวณคาง รอยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 10-15 นาที
คุณหมอผ่าตัด เปิดแผลบริเวณใต้คางประมาณ 1-1.5 ซม.
ซิลิโคนที่ใช้เป็นซิลิโคนขายาว คุณหมอนำมาปรับเหลาเคสบายเคสให้เข้ากับรูปหน้า
ดูรูปทรงก่อนเย็บปิดแผล
ดามเฝือกคางไว้
ฉีดยาปฏิชีวนะ
คนไข้สามารถกลับบ้านพักฟื้นได้

การดูแลรักษาหลังเสริมคางแผลนอก

รับประทานยาให้หมด
แปะเฝือกไว้อย่างน้อย 5 วัน พอครบ 5 วันแล้ว สามารถแกะออกได้ด้วยตัวเอง
ทำแผล เช้าเย็น และห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม
7 วันเข้ามาตัดไหมที่คลินิก หรือหากอยู่ไกลสามารถตัดคลินิก หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านได้
มีนัดเช็คทรงทุกๆ 1,3,6 เดือน
รับประกัน 1 ปี

นอกจากการเสริมคางแผลนอกแล้ว ตัดเหนียงร่วมกับการทำคางไปด้วย พร้อม ๆ กันได้ ไขมันเหนียงเกิดจากการเนื้อไขมันบริเวณใต้คางเยอะ เวลาเสริมคางไปแล้วจะทำให้กรอบหน้าชัดขึ้น แต่ไขมันบริเวณใต้คางยังอยู่ ไม่ว่าจะก้มหน้า หรือหันซ้ายหันขวา ไขมันก็จะมากวนใจทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยสบายใจ

ตัดไขมันเหนียง คืออะไร

การตัดไขมันเหนียง คือ การตัดก้อนไขมันตรงใต้คางออกไป สามารถผ่าตัดร่วมกับการเสริมคางได้ เปิดแผลตำแหน่งเดียวกันกับการเสริมคาง ซึ่งการเปิดแผลบริเวณใต้คางนั้น หมอจะเห็นไขมันที่อยู่บริเวณนี้ได้อย่างชัดเจน หมอจะใช้วิธีการคีบ ดึง และตัดไขมันออกได้อย่างหมดจด อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่กำลังมองหาการเสริมคางที่ไหนดี และดูว่าจะเสริมแผลนอกหรือแผลในดี ขอแนะนำให้ดูคลินิกหรือแพทย์ที่น่าเชื่อถือ คาง เป็นจุดเด่นอีกหนึ่งจุดบนใบหน้าที่ทำให้โครงสร้างของใบหน้านั้นได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น เสริมคางได้รับความนิยมอย่างมาก นอกจากจะเสริมเพื่อความสวยความงามแล้วนั้น ยังตอบโจทย์สาว ๆ สามารถช่วยแก้ไขปัญหาคาง ไม่ว่าจะเป็นคางสั้น คางบุ๋ม คางถอย อีกด้วย

เสริมคางในกับเสริมคางนอกแตกต่างกันอย่างไร

การเสริมคางทั้งสองเทคนิคนี้ มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดจะเลือกเทคนิคที่เหมาะสมแตกต่างกันไปในแต่ละเคส สำหรับวิธีการเสริมคางแบบแผลนอก เป็นที่นิยมค่อนข้างน้อย เพราะอาจทำให้คนไข้เกิดรอยแผลเป็น หรือ แผลเป็นนูน บริเวณใต้คางได้ นั่นเอง และไม่ว่าคนไข้อยากเสริมคางด้วยการเปิดแผลวิธีการใดก็ตาม ควรเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมกับแต่ละคนอีกด้วย

เสริมคางในกับเสริมคางนอก เป็นสิ่งที่แพทย์และคนไข้ต้องทำการปรึกษาเพื่อหาวิธีการที่ดีที่สุดร่วมกัน แต่ก่อนอื่นแพทย์จะทำการประเมินและพิจารณาองค์ประกอบของใบหน้าทุก ๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็น หน้าผาก จมูก และกรามก่อนการผ่าตัดเสริมให้คนไข้ก่อน เพื่อให้ได้สัดส่วนคางที่เหมาะสม เข้ากับรูปหน้า และความต้องการของคนไข้แต่ละคน นอกจากวิธีที่ใช้ในการผ่าตัดจะแตกต่างกันแล้ว การเสริมคางแผลในกับแผลนอกก็มีข้อดีและข้อควรระวังที่แตกต่างกันอีกด้วย ควรศึกษาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เช็คไลฟ์สไตล์ของเราว่าเหมาะสมกับเทคนิคไหนเมื่อแน่ใจแล้วก็ทำเลยครับ